章節 5 ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเทรดฟอเร็กซ์
เวลาเปิดปิดตลาด Forex จะเรียงลำดับจากตลาดที่เปิดทำการก่อน ไล่ไปจนถึงตลาดสุดท้ายของวัน
Australia : 05.00 - 13.00 น.
Japan : 06.00 - 14.00 น.
Switzerland : 13.00 - 21.00 น.
Europe : 14.00 - 23.00 น.
London : 15.00 - 23.00 น.
America, Canada : 19.00 - 03.00 น.
ช่วงเวลาเปิดปิดตลาด Forex ดังกล่าวนั้น เราเรียกว่า Forex Session Time เช่น ในช่วงเวลา 06.00 - 14.00 น. เป็นเวลาของตลาดญี่ปุ่น เราก็จะเรียกว่า "เซสชันญี่ปุ่น" (จริงๆ เรียกว่า Tokyo Session) หรือ 19.00 - 03.00 น. ก็เรียกว่า US Session เป็นต้น คุณสามารถดูตารางเวลา Forex ได้จากด้านล่างนี้
เวลาที่ควรเทรด Forex
เวลาในการเทรด Forex ที่ดี หรือเป็นจังหวะเวลาที่ควรเข้าเทรด Forex นั้น จะเกี่ยวข้องกับ สภาพตลาดและผู้ที่มักเข้ามามีส่วนร่วม (Player) ณ เวลานั้นๆ ดังนั้น แม้ตลาด Forex จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ใช่ว่าตลอดทั้งวันจะเป็นเวลาที่เหมาะที่ควรในการเทรด Forex
ตลาด Forex ควรเทรดตอนช่วงเวลาที่ "มักจะ" มีผู้เล่นอื่นๆ เข้ามาซื้อขายในปริมาณมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารพาณิชย์ บริษัทนำเข้าส่งออกที่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ธนาคารกลาง สถาบันการเงินการลงทุนต่างๆ รวมถึงบรรดากองทุน Hedge Fund และ โบรกเกอร์ Forex ต่างๆ
เมื่อมีผู้เล่นจำนวนมาก จะทำให้ตลาดซื้อขายกันได้ง่าย (เปลี่ยนมือง่าย เพราะมีคนรับซื้อรับขายกันต่อเนื่อง) เราเรียกว่าสภาวะแบบนี้ว่า "ตลาดมีสภาพคล่อง" ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ควรเทรด Forex ทั้งนี้ ช่วงเวลาดังกล่าวจะอยู่ประมาณ 14.00 - 23.00 น. ลองพิจารณาหัวข้อด้านล่างจะเข้าใจมากขึ้น
การทับซ้อนกัน (Overlap) ของเวลาเปิดปิดตลาด Forex
เวลาที่ควรเทรด Forex คือช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง และช่วงเวลาดังกล่าวคือช่วงที่มีการ Overlap กันของแต่ละตลาดนั่นเอง หรือเป็น ช่วงที่มีตลาด Forex เปิดพร้อมกันมากที่สุด และต่างก็เป็นตลาดใหญ่ ได้แก่ Europe, London และ USA ซึ่งจะเห็นตามภาพด้านล่างว่าคือช่วงประมาณ 14.00 - 23.00 น.
ช่วงนี้มักเป็นช่วงที่มีผู้เล่นคึกคักมากที่สุด เหตุผลที่ผู้เล่นรายใหญ่ รวมถึงกลุ่ม Institutional Investor นิยมเปิดสถานะในช่วงเวลานี้ เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องซื้อขายด้วยสถานะการเทรดที่ใหญ่มาก เพราะการเข้าเทรด Lot ใหญ่ๆ ในช่วงที่เวลาที่ตลาด Forex ส่วนใหญ่ปิดทำการ จะส่งผลเสียใหญ่ๆ 2 ประการ
1. หากเป็นกลุ่มนักเก็งกำไร จะเท่ากับเปิดเผยสถานะอย่างชัดเจน เพราะการซื้อขายด้วย Lot ขนาดใหญ่ในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ มีโอกาสที่จะดันราคาให้เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ
2.ผลจากการที่สภาพคล่องต่ำ มีแนวโน้มที่จะได้รับต้นทุนการซื้อขายที่แพงมากๆ อีกด้วย
-ถ้าไม่มีคนรับซื้อที่มากพอ ราคาจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นไปสู่จุดที่มีคนรับซื้อ ต้นทุนการเทรดจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาดของ Lot ที่ใหญ่ขึ้น (เป็นไปตามกลไกราคา-อุปสงค์และอุปทาน)
ช่วงไหนไม่ควรเทรด
แน่นอนว่า ตรงกันข้ามกับช่วงเวลาที่ควรเทรด Forex โดยช่วงที่ไม่ควรเทรดจะเป็นช่วงที่รอยต่อเวลาที่ตลาด Forex สหรัฐฯ กำลังจะปิด ไปจนถึงครึ่งแรกของ Session Australia ซึ่งเวลาจะอยู่ประมาณ 01.00 - 7.00 น. โดยตลาดในช่วงนี้เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำมาก
อีกทั้งยังต้องระวังเรื่องวันหยุดธนาคาร (Bank Holiday) เช่น วันรำลึก George Washington (President's Day), วันประกาศอิสรภาพสหรัฐฯ เป็นต้น วันหยุดราชการของสหรัฐฯ เหล่านี้ จะเป็นวันที่ธนาคารปิดทำการ แม้ตลาด Forex จะเปิดให้ทำการซื้อขายอยู่ แต่สภาพคล่องหรือการซื้อขายสกุลเงิน USD จะเบาบางมาก วันเหล่านี้ก็ไม่เหมาะกับการเข้าเทรดใดๆ เช่นกัน เราอาจต้องเช็คจาก ปฏิทินข่าว Forex เป็นรายสัปดาห์
การเลือกคู่เงินตามเวลาเปิดปิดตลาด Forex
ถ้าต้องเลือกคู่เงินบนฐานของ Forex Session และต้องการคู่เงินที่มีโอกาสเกิดการเคลื่อนไหวที่เด่นชัดได้ตลอดทั้งวัน (มีความผันผวนตลอดทั้งวัน) เราอาจเลือกคู่เงินที่มีส่วนผสมของ 2 ตลาดจาก 2 ภูมิภาค หรือจริงๆ มันคือ ส่วนผสมระหว่าง European Session กับ Asian Session
คู่เงินอย่าง GBP/JPY, EUR/JPY เป็นส่วนผสมระหว่าง Asia กับ Europe ส่วนสายๆ ถึงเที่ยง จะได้อานิสงส์จากตลาดญี่ปุ่นและออสเตรเลีย และตั้งแต่บ่ายถึงค่ำๆ ก็ได้อานิสงส์จากตลาด London
แต่โดยพื้นฐานเราจะเลือกเทรดตาม Forex Session พูดง่ายๆ คือเลือกคู่เงินให้ตรงตามตารางตลาด Forex นั่นเอง ลองดูตัวอย่างด้านล่าง และเทียบกับตารางเวลา Forex ด้านบนอีกครั้ง
ช่วง 07.00 - 13.00 น. : แม้ตลาดจะมีสภาพคล่องต่ำ แต่บ่อยครั้งก็มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญในคู่เงิน AUD/USD, AUD/JPY, NZD/JPY เป็นต้น
ช่วง 11.00 - 13.00 น. : อาจเริ่มเล่น CHF/JPY, NZD/CHF เป็นต้นไป
ช่วง 13.00 - 14.00 น. : เป็นช่วงที่ดีที่เราจะจับตามอง EUR/CHF เป็นต้น
ช่วง 17.00 - 19.00 น. : เป็นช่วง Overlap ของหลายตลาด อาจเลือกเล่น GBP/USD, EUR/USD, USD/JPY เป็นต้น
19.00 น. เป็นต้นไป แน่นอนว่าเป็นเวลาของ CAD, USD
รอยต่อที่ตลาด Forex เปิด
เรื่องรอยต่อของเวลาเปิดปิดตลาด Forex เป็นเรื่องที่พูดกันน้อย เพราะถ้าเป็นนักเทรดระยะยาว เรื่องนี้แทบไม่ส่งผลใดๆ แต่มันสำคัญสำหรับนักเทรดแบบ Scalping มากๆ ซึ่งเวลาที่เป็น "รอยต่อ" คือช่วงที่ "ตลาดนึงปิด และอีกตลาดกำลังเปิด"
เช่น ช่วง 13.00 น. ที่เวลาตลาด Forex ออสเตรเลียปิด จะเห็นว่าตลาดยุโรปกำลังเปิด (CHF จะเปิดก่อน) ตรงนี้ให้ระวังช่วงคาบเกี่ยวกับประมาณ 30 นาที ตั้งแต่ 12.45 - 13.15 นาที รวมถึงรอยต่อของตลาดยุโรปประมาณ 13.45 - 14.15 น. เนื่องจากมักเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
การกระชากของราคา (Volatility Spikes) : ช่วงเวลาที่ตลาด Forex ออสเตรเลียเปิดนั้น เป็นช่วงที่ความผันผวนค่อนข้างต่ำ แต่ตลาดยุโรปเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง รอยต่อของตลาด 'เอเชีย-ยุโรป' มีความไม่สมดุลสูงนี้ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายสถานะที่รวดเร็ว ทำให้อยู่ๆ อาจเกิดความผันผวนอย่างกระทันหันจากการเปิดหรือปิดสถานะการเทรดได้ ซึ่งหากเราเน้นเทรด Scalping จะมีโอกาสโดน Stop Loss ได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องไม่จำเป็น
ซื้อไม่ได้ (Delay Execution) : เรื่องนี้เกี่ยวกับความเสถียรของราคาซื้อขาย ช่วงเวลาดังกล่าวอาจเกิดเหตุการณ์ที่ระบบไม่สามารถจับคู่คำสั่งซื้อขาย 'Match' กับราคาที่เราต้องการได้ เช่น หน้าจอแสดงราคา 20 บาท แต่พอกดซื้อเรากลับได้ราคา 22 บาท เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับโบรกเกอร์ Admiral Markets ที่มีความเสถียรด้านราคา และต้องถูกตรวจสอบโดย FCA
สรุปข้อสังเกตคู่เงินและเวลาตลาด Forex
-คู่เงิน Asia ล้วนๆ เช่น AUD/JPY, NZD/JPY จะเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่ไม่รุนแรง เมื่อเข้า European Session
-คู่เงินผสม Asia + Europe มักสามารถเคลื่อนไหวรุนแรงได้ตลอดทั้งวัน
-ช่วงเวลาประมาณ 17.00 - 19.00 น. เป็นช่วง Peak มากๆ ที่ทุกคู่เงินสามารถมีการเคลื่อนไหวที่สำคัญได้ แม้จะไม่ใช่ Session ตัวเอง เช่น USD/CAD ก็อาจเกิดการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนในช่วงนี้
-มักเกิดการเคลื่อนไหวราคาที่สำคัญ เช่น Reversal Bar เป็นต้น (เป็นเหตุผลเกี่ยวกับความผันผวนที่กระชากรุนแรง จนถึง Spike Pattern บ่อยๆ)
-คู่เงินที่ไม่ตรงตาม Session ก็อาจสามารถมีการเคลื่อนไหวที่สำคัญในช่วงเวลานี้ได้เช่นกัน เช่น USD, CAD, JPY, AUD เป็นต้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดคึกคักและมีผู้เล่นหลากหลาย
-19.00 น. เป็นช่วงจัดเต็มของ USD คู่เงินที่มี USD พ่วงอยู่ มักมีสภาพคล่องสูงมากๆ เหมาะกับกลยุทธ์แบบ Scalping