บทที่ 2 การเทรดฟอเร็กซ์ : การซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน
มาเริ่มด้วยพื้นฐานฯกันก่อน : Forex หรือ FX นั้นเป็น ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ที่คุณจะเข้าไปทำการซื้อขาย สกุลเงินต่างๆ โดยปกติสกุลเงินจะถูกแสดงด้วยอักษรย่อที่ประกอบด้วยตัวอักษรสามตัว เพื่อช่วยให้คุณจดจำชื่อเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องมานั่งท่อง สองตัวอักษรแรกจะแสดงถึงชื่อประเทศ ส่วนตัวอักษรตัวที่สามจะเป็น - ชื่อสกุลเงิน ตัวอย่างเช่น USD ย่อมาจาก United States dollar, ส่วน GBP ย่อมาจาก Great Britain pound, และอื่นๆ
เมื่อคุณเริ่มเรียนรู้เรื่อง การซื้อขายฟอเร็กซ์ฃเป็นครั้งแรก คุณจะเห็นว่ามีการซื้อขายสกุลเงินเป็น คู่ๆ: EUR/USD, AUD/CHF, NZD/JPY เมื่อทำเปิดคำสั่งซื้อขายใน Forex คุณก็กำลังซื้อสกุลเงินหนึ่งและในเวลาเดียวก็ขายอีกสกุลเงินหนึ่ง นั่นคือหากคุณเลือกซื้อคู่เงิน EUR/USD คุณก็กำลังซื้อเงินยูโรและขายเงินดอลลาร์และในทางกลับกัน
คู่สกุลเงิน Forex คืออะไร
ต้องเข้าใจก่อนว่า การเทรด Forex หรือการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ลักษณะมันคือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ดังนั้น โดยธรรมชาติ ทำให้การซื้อและขายสกุลเงินต้องทำเป็นคู่ๆ เรียกว่า "คู่เงิน" (Currency Pair) เป็นคู่ ความสัมพันธ์ของคู่เงิน Forex จึงเป็นลักษณะที่ต้องเทียบสกุลเงินหนึ่งๆ ว่า มีมูลค่าเท่าไหร่ในอีกสกุลเงินหนึ่งๆ โดยจะแสดงการเทียบค่านั้นอยู่ในรูปแบบ "สัญลักษณ์ของคู่เงิน" เช่น EUR/USD ก็จะเป็นการเทียบว่า 1 EUR นั้นมีมูลค่าเท่าไหร่เมื่อคิดเป็น USD
ดังนั้น คู่เงิน Forex คือ สกุลเงินต่างกัน 2 สกุลเงิน นำมาเปรียบเทียบมูลค่ากันเป็นคู่ๆ นั่นเอง โดยสัญลักษณ์ตัวหน้าของคู่เงิน จะเรียกว่า "สกุลเงินหลัก" (Base Currency Pair) ซึ่งอาจเรียกติดปากว่า "คู่เงินหลัก" ตามตัวอย่าง EUR/USD สกุลเงินหลักคือ EUR ในขณะที่ สัญลักษณ์ตัวหลังของคู่เงิน จะเรียกว่า "สกุลเงินรอง" (Quote Currency) ซึ่งอาจเรียกติดปากว่า "คู่เงินรอง" ดังนั้น ต่อจากนี้ หากได้เจอคำว่า "คู่เงินหลัก คู่เงินรอง" โปรดทราบไว้ว่า ส่วนใหญ่จะหมายถึง ตัวหน้าหรือตัวหลังของคู่เงินเท่านั้น
สัญลักษณ์ของคู่เงิน จะถูกกำหนดเป็นมาตรฐานสากลไว้ ดังนั้น ทุกคนบนโลกจะใช้สัญลักษณ์คู่เงินเหมือนกันหมด เช่น หากจะแลกเปลี่ยนสกุลเงินยูโรกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะใช้สัญลักษณ์ EUR/USD โดยจะเห็นว่า EUR ต้องอยู่นำหน้าเท่านั้น เพราะเป็นสัญลักษณ์สากลที่กำหนดไว้ แน่นอนว่า ในตลาดการเงินสากล จะไม่มีสัญลักษณ์ USD/EUR ตัวอย่างอ่านการค่า คือ หากเห็นว่ามีสัญลักษณ์ EUR/USD = 1.23 ก็หมายความว่า 1 EUR จะสามารถแลกสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้เป็นจำนวน 1.23 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ประเภทคู่สกุลเงิน
การซื้อขายในตลาด Forex คือ การที่เงินสกุลหนึ่งถูกเปลี่ยนไปเป็นอีกสกุลหนึ่ง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ Forex มีการแจ้งราคาในรูปแบบของคู่สกุลเงิน (Currency Pairs) เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD เป็นต้น โดยเราสามารถแยกประเภทของคู่สกุลเงินได้ดังนี้
• Major Currency Pairs หรือคู่สกุลเงินหลัก ซึ่งเป็นคู่สกุลเงินที่นิยมซื้อขายกันมากที่สุด ได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, AUD/USD, USD/CHF, USD/CAD และ NZD/USD (หมายเหตุ : สำหรับ NZD/USD บางโบรกเกอร์อาจจัดให้คู่เงินนี้อยู่ในกลุ่มของคู่สกุลเงินรอง หรือ Minor Currency Pair)
• Minor Currency Pairs หรือคู่สกุลเงินรอง ซึ่งอาจเรียกว่า Cross Currency Pairs หมายถึงคู่เงินที่เกิดจากการจับคู่กันของสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุด (ยกเว้นคู่สกุลเงินที่มี USD เพราะจะถือว่าเป็นคู่สกุลเงินหลัก) เช่น EUR/JPY, EUR/GBP, GBP/JPY, GBP/CHF, AUD/CAD, AUD/NZD เป็นต้น
• Exotic Currency Pairs หรือคู่สกุลเงินแปลกใหม่ ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือคู่สกุลเงินที่ไม่ได้อยู่ใน 2 กลุ่มข้างต้น เช่น AUD/SGD, EUR/DKK, GBP/NOK, USD/HKD, USD/THB เป็นต้น
คู่สกุลเงิน Forex แบบพิเศษ : Exotic Currency
โดยทั่วไปแล้ว คู่เงิน Forex ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ก็ควรจะเป็นคู่เงินที่คุณมีความรู้มากที่สุด แต่มันจะมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคุณ และมันจะดีกว่าไหม? หากในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินสามารถเทรดสกุลเงินที่อยู่นอกเหนือคู่เงินหลักต่างๆ ได้ สกุลเงินของประเทศเหล่านี้เป็นสกุลเงินที่ไม่ได้นิยมเทรดกันเป็นอันดับต้นๆ แต่สินค้าของประเทศเหล่านี้มักมีความสำคัญกับโลกอย่างมาก เช่น สกุลเงิน ZAR (แรนด์แอฟริกาใต้) เนื่องจากประเทศแอฟริกาใต้ส่งออก Commodity ที่สำคัญ เช่น ทองคำ, ยูเรเนียม เหล็ก เป็นต้น
Exotic Currency คือสกุลเงินที่มีปริมาณการเทรดในตลาด Forex เบาบางมากๆ เป็นสกุลเงินที่ไม่ได้มีการเทรดกันอย่างกว้างขวางในธุรกรรมการซื้อขายทั่วโลก โดย Exotic Currency จะมีสภาพคล่องน้อยมาก ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดก็จะน้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันก็มักเป็นสกุลเงินของประเทศที่มีสินค้าบางอย่างเป็นสินค้าสำคัญของโลก เพียงแต่มีบางตลาดหรือบางกลุ่มเท่านั้น ที่จำเป็นต้องเข้าไปแลกเปลี่ยนซื้อขายด้วย แน่นอนว่า มักเป็นประเทศเกิดใหม่หรือประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเรื่องความผันผวนและเรื่องข้อมูล ประการแรกเพราะสภาพคล่องที่น้อยมากๆ ทำให้เกิดการกระโดดของราคา Volatility ที่สูงมากระหว่างราคาเปิด-ปิด จะทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่สามารถรองรับความเสี่ยงได้ ตัวอย่างคู่เงิน Exotic Currency เช่น
EUR/TRY (Euro/Turkish Lira)
USD/DKK (US Dollar/Danish Krone)
USD/ZAR (US Dollar/South African Rand)
ZAR/JPY (South African Rand/Japanese Yen)
USD/HKD (US Dollar/Hong Kong Dollar)
ซึ่งยังมีอีกหลายๆ คู่สกุลเงิน ที่ผันผวนมากๆ
แล้วทำไมหมวดต่างๆเหล่านี้ถึงมีความสำคัญกับฉัน?
หมวดต่างๆเหล่านี้มักจะสะท้อนถึงสภาพคล่องและความผันผวนของคู่สกุลเงิน
สภาพคล่องแสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์รายอื่นๆสนใจ ในคู่เงินนี้มากแค่ไหน โดยทั่วไปแล้วคู่เงินที่เป็นที่นิยมมากกว่า (เช่น คู่เงินหลัก) จะมีสภาพคล่องสูงกว่า คุณสามารถซื้อและขาย EUR/USD ในปริมาณมาก ได้อย่างง่ายดายและไม่ต้องเสี่ยงกับความแปรปรวนที่สูง
ความผันผวนคือช่วงราคาของมูลค่าภายใน ช่วงเวลาหนึ่ง (วัน, สัปดาห์, เดือน, ฯลฯ) ซึ่งหมายความว่าสกุลเงินนั้นมีเสถียรภาพมากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับจำนวนคำสั่งซื้อที่มีสกุลเงินนี้ในตลาด, สภาพที่ดีของเศรษฐกิจในภูมิภาค, และเหตุการณ์ ในเศรษฐกิจมหภาคบางอย่าง สกุลเงินที่มี สภาพคล่องต่ำกว่าจะมี ความผันผวนสูงกว่า และในทางกลับกัน โดยปกติยิ่งคู่เงินได้รับความนิยมน้อย (เช่น คู่เงิน แปลกใหม่) ความผันผวนก็จะยิ่งสูงขึ้น ความผันผวนสูงอาจเป็นความเสี่ยงของเทรดเดอร์ แต่มันก็มีแนวโน้มที่จะให้ผลกำไรมากขึ้น แต่ทั้งนี้มัน ล้วนขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายของคุณและกลยุทธ์ ที่คุณใช้
เพื่อให้เป็นเทรดเดอร์ที่เก่งขึ้น คุณควรตระหนักถึง แง่มุมเหล่านี้อยู่เสมอ